
สารพิลาภขาว สื่อสารทั่วโลก เสนอ แช้มนักแข่งรถ แช้ม 3 สมัย ถ้วยพระราชทาน องค์ มหาราชินี 3 ปีซ้อน D-HOUSE BOOK ลงบทความ ประวัติ นาย ชูชัย นิลขำ ซึ่งเห็นความสามารถในการทำทีมการแข่งขันในกีฬา มอเตอร์ ทำให้เห็นความสามารถ ของ คุณ ชูชัย นิลขำ นักแข่งรถ และมีชัยในการแข่งขัน เป็นแช้ม 3 ปีซ้อน ชิงถ้วยพระราชทาน องค์มหาราชินี
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริงสู่นานาชาติ
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ: ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร HOME ...
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริงสู่นานาชาติ
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ: ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร HOME ...
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริงสู่นานาชาติ
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ: ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร HOME ...
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริงสู่นานาชาติ
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ: ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร HOME ...
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริงสู่นานาชาติ
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ: ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร HOME ...
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริงสู่นานาชาติ
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ: ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร HOME ...
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริงสู่นานาชาติ
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ: ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร HOME ...
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริงสู่นานาชาติ
หนังสือพิมพ์ สันติภาพโลก ออนไลย์ โดย WPWC : ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ: ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร HOME ...
ขาโถกเถก วัฒนธรรมไทย เจริญสู่นานาชาติ
ขาโถกเถก เป็นกีฬาได้อย่างไร
ขาโถกเถก เป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมเล่นกันมากในจังหวัด สกลนคร
Video Catagory
- การเมือง (10351)
- เศรษฐกิจ-การเงิน (2520)
- การตลาด (164)
- สังคม-คุณภาพชีวิต (2467)
- กีฬา (1080)
- บันเทิง (8983)
- ไลฟ์สไตล์ (1444)
- ภูมิภาค (59118)
- อาชญากรรม (4964)
- ต่างประเทศ (660)
- วิทยาศาตร์-ไอที (272)
- การศึกษา (1176)
- ศิลปวัฒนธรรม (2008)
- ท่องเที่ยว (1681)
- อาหาร (191)
- อื่นๆ (64917)
อุดรธานี - อุดรฯจัดแข่งวิ่งขาโถกเถกต้านยาเสพติด(สัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันรุ่นอายุ7-25ปี)
Date Posted : 09/05/2010 20:31:42
Rating :









Views : 1291
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1. กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม อย่างวิญญูชน พึงกระทำ พร้อมลงนาม2. ทีม Nationchannel.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการลบข้อความ ที่ หมิ่นต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
3. ไม่ควรใช้ ถ้อยคำที่ หยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด กล่าวหาให้ร้ายผู้อื่น หรือสร้างความแตกแยก ในสังคม
4. ทุกความคิดเห็นนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับ ทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ และ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ทุกกรณี ประกอบกับทีมงาน ขอสงวนสิทธิ์ใน การลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็น
แสดงความคิดเห็น
Share
อุดรธานี / เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์ / 9 พฤษภาคม 2553
อุดรฯจัดแข่งวิ่งขาโถกเถกต้านภัยยาเสพติด
ผู้สื่อข่ารายงานจาก จ.อุดรธานีว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 9 พฤษภาคม ที่ลานสังคีต สวนสาธารณะ หนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี นายสุรศิลป์ พลธุมาร ประธานชมรมกีฬาขาโถกเถกแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิด "การแข่งขันกีฬาขาโถกเถกไทย ต้านภัยยาเสพติด" ที่จัดขึ้นโดยชมรมกีฬาขาโถกเถกสตรีอุดรธานี โดยก่อนเปิดการแข่งขัน กลุ่มผู้เข้าแข่งขัน ได้ร่วมเดินพาเหรดขาโถกเถก โดยมีขบวนกลองยาวเล่นนำขบวน พร้อมถือป้ายข้อความต่อต้านยาเสพติด จากวัดโพธิสมภรณ์ มายังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิปาคม
สำหรับการแข่งขันวิ่งขาโถกเถกครั้งนี้ แบ่งการแข่งขันเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นรวมชาย-หญิง โอเพ่น อายุ 25-75 ปี และรุ่นรวมชาย-หญิง อายุ 7-25 ปี โดยชิงเงินรางวัลชนะเลิศรุ่นละ 2,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 รุ่นละ 1,000 บาท และ รองชนะเลิศอันดับ 2 รุ่นละ 500 บาท พร้อมประกาศเกียรติคุณจากทางชมรมกีฬาขาโถกเถกแห่งประเทศไทย
ส่วนบรรยากาศการแข่งขันเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ที่มีคณะกลองยาวเล่นกลองยาวช่วยเชียร์ สร้างบรรยากาศในการแข่งขันให้เป็นแบบไทย ๆ โดยเฉพาะผู้เข้าแข่งขันที่ส่วนใหญ่ที่เป็นเด็ก จะสวมใส่ชุดไทยประยุกต์ หรือสวมเสื้อม่อฮ่อม ที่ลงแข่ง 2 รอบ หาผู้ชนะมาชิงชนะเลิศ ส่วนผู้ใหญ่ที่เป็นชายจะใส่ผ้าโสร่ง คาดผ้าขาวม้า ส่วนผู้หญิงก็จะใส่ผ้าถุง สวมเสื้อม่อฮ่อม เข้าแข่งขัน โดยแข่งขันเพียงรอบเดียว ในขณะที่มีผู้สูงอายุที่เข้าแข่งขันบางคน เกิดล้มก่อนจบการแข่งขัน แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ในขณะที่ทางมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี ได้ส่งกำลังพล ที่เป็นพลฯทหาร เข้ร่วมแข่งขัน สร้างสีสันในการแข่งขันครั้งนี้
นายสุรศิลป์ฯ ประธานชมรมกีฬาขาโถกเถกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การแข่งขันกีฬาวิ่งขาโถกเถกที่ จ.อุดรธานี ครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยจัดเป็นกรแข่งขันต้านภัยยาเสพติด และทำให้ประชาชนมาร่วมรักและสามัคคีกัน ที่เหมือนขาโถกเถกที่ต้องมีเป็นคู่ เพราะถ้ามีอันเดียวก็ไม่สามารถเล่นได้ ทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าเราอยู่ร่วมกันในโลกนี้ต้องรักกัน เหมือนขาโถกเถกที่ต้องรักกัน ต้องมีเป็นคู่ ต้องสมดุลกัน ข้างใดข้างหนึ่งจะสูงกว่ากันไมได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเล่นได้
"การเล่นขาโถกเถก ทำให้เกิดความรักความสามัคคีกันในองค์กร ในหมู่คณะ ไม่ใช่ว่าจะอยู่คนเดียวได้ เป็นเหมือนกับกุศโลบายมาแต่สมัยโบราณ ที่ให้สร้างความรักความสามัคคีกัน ตั้งแต่ครอบครัวขึ้นไป เป็นเหมือนกับปราชญ์ชาวบ้านที่สอนคนมาแต่โบราณ"
นายสุรศิลป์ฯ กล่าวอีกว่า ทางชมรมฯได้จัดให้มีการแข่งขันไปแล้วกว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นกรรณรงค์การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านไทย ที่อุปกรณ์การเล่นสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ อีกทั้งขาโถกเถกยังเป็นการออกกำลังกาย และเป็นการนวดฝ่าเท้าไปในตัว โดยเฉพาะคนสูงอายุที่จะสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เพราะมีการเกร็งขาและเท้า ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศกำลังหันมาให้ความสนใจในกีฬาขาโถกเถก เราะสามารถเล่นได้อย่างปลอดภัย เล่นได้ทุกสถานที่ ไม่ต้องหาสนามแข่ง โดยชุดเล่นขาโถกเถกก็จะมีผ้าขาวม้า ผ้าโสร่งใส่ ซึ่งต่างประเทศที่สนใจเราก็ส่งผ้าเหล่านี้ไปหลายพันผืน สร้างงานให้คนทอผ้าได้ด้วย
ส่วนด้านผู้เข้าแข่งขัน นายพุทธ วงษ์ศาบุตร อายุ 67 ปี อยู่ที่ 20 หมู่ 15 ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เล่นขาโถกเถกมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น อายุประมาณ 14-15 ปี ซึ่งก็เล่นมาตลอด ขณะนี้ยังไหวอยู่ และสอนให้ลูกหลานเล่นด้วย ซึ่งอุปกรณ์การแข่งขันก็ไม่มีอะไร มีเพียงไม้ขาโถกเถกที่ทำจากไม้ไผ่มา ซึ่งก็ไม่ได้ทำหรือแต่งมาเป็นพิเศษเหมือนของคนอื่น มาวันนี้ทราบข่าวว่าจะมีการแข่งขันก็มาสมัครแข่ง เป็นการอนุรักษ์กีฬาพื้นบ้านไว้
นางอำไพ สวัสดิ์จตุรงค์ อายุ 71 ปี อยู่ที่ 92 หมู่ 9 ชุมชนหนองเหล็ก เทศบาลนครอุดรธานี เปิดเผยว่า มาแข่งขันวันนี้ ไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรมาเป็นพิเศษ โดยเล่นขาโถกเถกมาตั้งแต่เด็ก เมื่อทราบว่ามีการแข่งขัน ก็มาสมัคร เพระจะได้อนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านไทยไว้
ด.ญ.อรอนงค์ แพงสา อายุ 11 ปี อยู่ที่ 288 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี และ ด.ช.ธนาวุธ อุชบุตร อายุ 10 ปี อยู่ที่ 294/1 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่แข่งขันรุ่นอายุ 7-25 ปี ได้ที่ 1 และ รองชนะเลิศอันดับ 1 เปิดเผยว่า ปู่และตา สอยให้เล่นขาโถกเถกมา ซึ่งมาแข่งก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมา อุปกรณ์ขาโถกเถกก็ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม เป็นอันที่ใช้เล่นอยู่ทุกวัน ก็ดีใจที่ชนะการแข่งขัน.........
////////////
Catagory : ภูมิภาค
Tags : วิ่งขาโถกเถก,การละเล่น
URL :
Embed :
" type="text">
อุดรฯจัดแข่งวิ่งขาโถกเถกต้านภัยยาเสพติด
ผู้สื่อข่ารายงานจาก จ.อุดรธานีว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 9 พฤษภาคม ที่ลานสังคีต สวนสาธารณะ หนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี นายสุรศิลป์ พลธุมาร ประธานชมรมกีฬาขาโถกเถกแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิด "การแข่งขันกีฬาขาโถกเถกไทย ต้านภัยยาเสพติด" ที่จัดขึ้นโดยชมรมกีฬาขาโถกเถกสตรีอุดรธานี โดยก่อนเปิดการแข่งขัน กลุ่มผู้เข้าแข่งขัน ได้ร่วมเดินพาเหรดขาโถกเถก โดยมีขบวนกลองยาวเล่นนำขบวน พร้อมถือป้ายข้อความต่อต้านยาเสพติด จากวัดโพธิสมภรณ์ มายังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิปาคม
สำหรับการแข่งขันวิ่งขาโถกเถกครั้งนี้ แบ่งการแข่งขันเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นรวมชาย-หญิง โอเพ่น อายุ 25-75 ปี และรุ่นรวมชาย-หญิง อายุ 7-25 ปี โดยชิงเงินรางวัลชนะเลิศรุ่นละ 2,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 รุ่นละ 1,000 บาท และ รองชนะเลิศอันดับ 2 รุ่นละ 500 บาท พร้อมประกาศเกียรติคุณจากทางชมรมกีฬาขาโถกเถกแห่งประเทศไทย
ส่วนบรรยากาศการแข่งขันเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ที่มีคณะกลองยาวเล่นกลองยาวช่วยเชียร์ สร้างบรรยากาศในการแข่งขันให้เป็นแบบไทย ๆ โดยเฉพาะผู้เข้าแข่งขันที่ส่วนใหญ่ที่เป็นเด็ก จะสวมใส่ชุดไทยประยุกต์ หรือสวมเสื้อม่อฮ่อม ที่ลงแข่ง 2 รอบ หาผู้ชนะมาชิงชนะเลิศ ส่วนผู้ใหญ่ที่เป็นชายจะใส่ผ้าโสร่ง คาดผ้าขาวม้า ส่วนผู้หญิงก็จะใส่ผ้าถุง สวมเสื้อม่อฮ่อม เข้าแข่งขัน โดยแข่งขันเพียงรอบเดียว ในขณะที่มีผู้สูงอายุที่เข้าแข่งขันบางคน เกิดล้มก่อนจบการแข่งขัน แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ในขณะที่ทางมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี ได้ส่งกำลังพล ที่เป็นพลฯทหาร เข้ร่วมแข่งขัน สร้างสีสันในการแข่งขันครั้งนี้
นายสุรศิลป์ฯ ประธานชมรมกีฬาขาโถกเถกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การแข่งขันกีฬาวิ่งขาโถกเถกที่ จ.อุดรธานี ครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยจัดเป็นกรแข่งขันต้านภัยยาเสพติด และทำให้ประชาชนมาร่วมรักและสามัคคีกัน ที่เหมือนขาโถกเถกที่ต้องมีเป็นคู่ เพราะถ้ามีอันเดียวก็ไม่สามารถเล่นได้ ทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าเราอยู่ร่วมกันในโลกนี้ต้องรักกัน เหมือนขาโถกเถกที่ต้องรักกัน ต้องมีเป็นคู่ ต้องสมดุลกัน ข้างใดข้างหนึ่งจะสูงกว่ากันไมได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเล่นได้
"การเล่นขาโถกเถก ทำให้เกิดความรักความสามัคคีกันในองค์กร ในหมู่คณะ ไม่ใช่ว่าจะอยู่คนเดียวได้ เป็นเหมือนกับกุศโลบายมาแต่สมัยโบราณ ที่ให้สร้างความรักความสามัคคีกัน ตั้งแต่ครอบครัวขึ้นไป เป็นเหมือนกับปราชญ์ชาวบ้านที่สอนคนมาแต่โบราณ"
นายสุรศิลป์ฯ กล่าวอีกว่า ทางชมรมฯได้จัดให้มีการแข่งขันไปแล้วกว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นกรรณรงค์การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านไทย ที่อุปกรณ์การเล่นสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ อีกทั้งขาโถกเถกยังเป็นการออกกำลังกาย และเป็นการนวดฝ่าเท้าไปในตัว โดยเฉพาะคนสูงอายุที่จะสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เพราะมีการเกร็งขาและเท้า ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศกำลังหันมาให้ความสนใจในกีฬาขาโถกเถก เราะสามารถเล่นได้อย่างปลอดภัย เล่นได้ทุกสถานที่ ไม่ต้องหาสนามแข่ง โดยชุดเล่นขาโถกเถกก็จะมีผ้าขาวม้า ผ้าโสร่งใส่ ซึ่งต่างประเทศที่สนใจเราก็ส่งผ้าเหล่านี้ไปหลายพันผืน สร้างงานให้คนทอผ้าได้ด้วย
ส่วนด้านผู้เข้าแข่งขัน นายพุทธ วงษ์ศาบุตร อายุ 67 ปี อยู่ที่ 20 หมู่ 15 ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เล่นขาโถกเถกมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น อายุประมาณ 14-15 ปี ซึ่งก็เล่นมาตลอด ขณะนี้ยังไหวอยู่ และสอนให้ลูกหลานเล่นด้วย ซึ่งอุปกรณ์การแข่งขันก็ไม่มีอะไร มีเพียงไม้ขาโถกเถกที่ทำจากไม้ไผ่มา ซึ่งก็ไม่ได้ทำหรือแต่งมาเป็นพิเศษเหมือนของคนอื่น มาวันนี้ทราบข่าวว่าจะมีการแข่งขันก็มาสมัครแข่ง เป็นการอนุรักษ์กีฬาพื้นบ้านไว้
นางอำไพ สวัสดิ์จตุรงค์ อายุ 71 ปี อยู่ที่ 92 หมู่ 9 ชุมชนหนองเหล็ก เทศบาลนครอุดรธานี เปิดเผยว่า มาแข่งขันวันนี้ ไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรมาเป็นพิเศษ โดยเล่นขาโถกเถกมาตั้งแต่เด็ก เมื่อทราบว่ามีการแข่งขัน ก็มาสมัคร เพระจะได้อนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านไทยไว้
ด.ญ.อรอนงค์ แพงสา อายุ 11 ปี อยู่ที่ 288 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี และ ด.ช.ธนาวุธ อุชบุตร อายุ 10 ปี อยู่ที่ 294/1 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่แข่งขันรุ่นอายุ 7-25 ปี ได้ที่ 1 และ รองชนะเลิศอันดับ 1 เปิดเผยว่า ปู่และตา สอยให้เล่นขาโถกเถกมา ซึ่งมาแข่งก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมา อุปกรณ์ขาโถกเถกก็ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม เป็นอันที่ใช้เล่นอยู่ทุกวัน ก็ดีใจที่ชนะการแข่งขัน.........
////////////
Catagory : ภูมิภาค
Tags : วิ่งขาโถกเถก,การละเล่น
URL :
Embed :
" type="text">
วีดีโอที่เกี่ยวข้อง
อุดรธานี - อุดรฯจัดแข่งวิ่งขาโถกเถกต้านยาเสพติด(สัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันรุ่นโอเพ่น)
อุดรธานีviews : 1422
tag : วิ่งขาโถกเถก,การละเล่น
อุดรธานี - อุดรฯจัดแข่งวิ่งขาโถกเถกต้านยาเสพติด(สัมภาษณ์ประธานชมรมกีฬาขาโถกเถก)
อุดรธานีviews : 1570
tag : วิ่งขาโถกเถก,การละเล่น
อุดรธานี - อุดรฯจัดแข่งวิ่งขาโถกเถกต้านยาเสพติด
อุดรธานีviews : 1909
tag : วิ่งขาโถกเถก,การละเล่น
(16027)
ภาคอีสาน
(29192)
- กาฬสินธุ์ (3068)
- ขอนแก่น (1344)
- ชัยภูมิ (1510)
- นครพนม (653)
- นครราชสีมา (5498)
- บุรีรัมย์ (2477)
- มหาสารคาม (818)
- มุกดาหาร (1179)
- ยโสธร (214)
- ร้อยเอ็ด (1986)
- เลย (495)
- ศรีสะเกษ (2411)
- สกลนคร (1516)
- สุรินทร์ (651)
- หนองคาย (1103)
- หนองบัวลำภู (448)
- อำนาจเจริญ (376)
- อุดรธานี (1755)
- อุบลราชธานี (1615)
- บึงกาฬ (76)
โถกเถก การกีฬาแห่งประเทศไทย ตะรึง
ก่อนเดินทาง ขอนำภาพบางส่วนที่เราจะพบในการเดินทางครั้งนี้มาให้ชมเพื่อเรียกน้ำย่อย....
ชมและถ่ายภาพ "ทะเลหมอก" ยามเช้า

ชมและถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดิน ณ ผาเก็บตะวัน



หอดูสัตว์ป่า บนยอดกอไผ่

ฝึกเดินขาโถกเถก

ปลูกป่าโดยวิธียิงหนังสะติ๊ก
ชมและถ่ายภาพ "ทะเลหมอก" ยามเช้า

ชมและถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดิน ณ ผาเก็บตะวัน



หอดูสัตว์ป่า บนยอดกอไผ่

ฝึกเดินขาโถกเถก

ปลูกป่าโดยวิธียิงหนังสะติ๊ก
วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
66 ปีวันชาติรัฐฉาน "เจ้ายอดศึก" ระบุไร้สันติภาพ
66 ปีวันชาติรัฐฉาน "เจ้ายอดศึก" ระบุไร้สันติภาพ
"เจ้ายอดศึก" ระบุวันชาติรัฐฉาน เป็นวันของทุกชาติพันธุ์ในรัฐ
โดย พล.ท.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS) ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองของกองทัพรัฐฉาน (SSA) กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็น "วันเชื้อชาติจึ่งไต" หรือวันชาติรัฐฉานครบรอบปีที่ 66 บางคนในรัฐฉานเข้าใจว่าวันนี้เป็น "วันเครือไต" อยากกล่าวว่าวันนี้ไม่ใช่ "วันเครือไต" เพราะเชื้อชาติที่ว่านั้นเป็นของประชาชนทุกเครือชนชาติที่อยู่ในรัฐฉาน เพราะเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) ผู้แทนประชาชนในรัฐฉานจากทุกชนชาติได้มาร่วมกันประชุมที่เมืองปางโหลง วันชาติรัฐฉานจึงถือเป็นวันชาติของทุกเชื้อชาติในรัฐฉาน
ในโอกาสครบรอบปีที่ 66 วันชาติรัฐฉาน วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ขอฝากไปยังประชาชนในรัฐฉานและประชาชนในสหภาพพม่าทุกชนชาติว่า สหภาพพม่านั้น ถ้าไม่มีการประชุมในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1947 ซึ่งเป็นวันชาติรัฐฉานนั้น วันเอกราชของสหภาพพม่าก็จะไม่มี ทั้งนี้สัญญาปางโหลงในปี ค.ศ. 1947 ถือเป็นรากฐานของการเมืองสหภาพพม่า ข้าพเจ้าซึ่งเข้าไปเจรจาการเมืองไม่เคยลืมที่จะยึดหลักการของสัญญาปางโหลงดังกล่าว
ขณะที่นายพลออง ซาน กลายเป็นผู้มีความสำคัญ ก็เป็นเพราะได้ผู้แทนจากรัฐชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งมาร่วมกันลงนามในสัญญาปางโหลงด้วย จึงขออย่าได้หลงลืมประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างไรก็ตามสหภาพพม่าที่ได้ร่วมกันตั้งมานั้น ในปี ค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505) ก็มีการรัฐประหารโดยนายพลเนวิน ทำให้ทั้งสหภาพพม่าตกอยู่ในสภาพสงครามกลางเมือง ทำให้ประชาชนประสบความทุกข์ยากลำบาก
สุดท้าย ประธานสภาเพื่อกอบกู้รัฐฉาน ได้เรียกร้องให้ประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐฉานอย่าให้ใครมาเอาเปรียบใคร ขอให้ทุกชนชาติอยู่กันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม ให้ร่วมกันสร้างความร่มเย็น อีกประการหนึ่งขอฝากว่าการสร้างความสามัคคีและสันติภาพนั้น รัฐบาลของประธานาธิบดีเต็ง เส่งได้บอกว่าจะร่วมมือกับทุกๆ กลุ่ม ซึ่งที่กล่าวมานั้นก็น่านับถืออยู่ อย่างไรก็ตามกระบวนการสร้างสันติภาพถาวรแท้จริงยังไม่เห็นผล เช่น ขณะนี้ยังมีการทำสงครามอยู่ที่รัฐคะฉิ่นนั้น แบบนี้ก็ไม่ใช่แนวทางสร้างสันติภาพ การหยุดยิงกับกลุ่มชนชาติหนึ่ง แต่ไปยิงกับอีกชนชาติหนึ่ง ไม่อาจเป็นแนวทางการสร้างสันติภาพถาวรได้
ขณะที่สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ได้หยุดยิงกับรัฐบาลพม่ามาได้ปีกว่านั้น อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่ไม่คืบหน้า เช่น ที่สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉานเสนอขอปกครองพื้นที่เมืองเต๊าะ (หัวเมือง) และเมืองทา ฝ่ายรัฐบาลพม่าก็ยังไม่ตกลง เรื่องที่จะร่วมมือกันปราบยาเสพติด ฝ่ายพม่าก็ยังไม่ดำเนินการอะไร ทั้งนี้ไม่อยากให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
โดย พล.ท.เจ้ายอดศึก ฝากถึงประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐฉาน ความสามัคคีที่คนในรัฐฉานปรารถนาอยู่ทุกเมื่อนั้น เป็นสิ่งที่ "พูดง่าย ทำยาก" จริงๆ ถ้าพูดว่าต้องการความสามัคคี ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ความสามัคคี เหมือนพูดว่าอยากถึงนิพพาน แล้วพูดบ่อยๆ ว่าอยากนิพพาน แต่ไม่ทำบุญ ไม่บำเพ็ญภาวนา ก็ไปไม่ถึงนิพพาน ดังนั้นการที่จะให้มีความสามัคคี จะต้องมีความเมตตา สัจจะ มีน้ำใจเชื่อถือกัน ช่วยเหลือกัน อย่าเอามานะ โทสะ และโลภะมาใช้ต่อกัน และขอฝากถึงประชาชนทุกชนชาติในรัฐฉาน ขอให้รักษาวัฒนธรรมประเพณี อย่าให้เชื้อชาติเราหาย อนาคตของรัฐฉานจะเจริญรุ่งเรืองได้ ก็อยู่ในกำมือของประชาชนทุกคน
นอกจากนี้มีการกล่าวปราศรัยโดย จายสามทิพย์เสือ ผู้แทนประชาชนจากเมืองเชียงตุง โดยกล่าวปราศรัยเรียกร้องให้ประชาชนในรัฐฉานมีความสามัคคีต่อกัน นอกจากนี้มีผู้แทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในรัฐฉานกล่าวปราศรัยได้แก่ ผู้แทนจากพรรคก้าวหน้าแห่งชาติรัฐฉาน (Shan State Progrssive Party - SSPP) ซึ่งเป็นปีกทางการเมืองของกองทัพรัฐฉาน-เหนือ ผู้แทนกองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army - UWSA) ผู้แทนจากองค์กรปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ (Pa-O National Liberation Organization - PNLO) ผู้แทนจากสหภาพประชาธิปไตยลาหู่ (Lahu Democratic Union - LDU) ผู้แทนจากองค์กรแห่งชาติปะโอ (Pa-O National Organization - PNO) ผู้แทนจากรัฐอาระกัน และผู้แทนจากรัฐมอญ เป็นต้น
ระบุมีการหารือกับผู้แทนชาติพันธุ์ในรัฐฉาน-พม่า เรื่องการปรองดอง
ทั้งนี้มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉานและกองทัพรัฐฉาน ได้จัดเลี้ยงอาหารให้กับผู้แทนจากกลุ่มทางการเมืองและกองกำลังของชาติพันธุ์ต่างๆ ในรัฐฉานและในพม่า และตัวแทนประชาชนจากรัฐฉานกว่า 50 เมือง ที่มาร่วมงานวันชาติ โดยที่น่าสนใจก็คือมีการเชิญผู้แทนจากองค์กรแห่งอิสรภาพคะฉิ่น (KIO) มาร่วมงานเลี้ยงด้วย โดยองค์กรคะฉิ่น KIO ดังกล่าว ต้องทำสงครามกับกองทัพรัฐบาลพม่ามาตั้งแต่กลางปี 2554 และทั้งรัฐบาลพม่าและองค์กรคะฉิ่น KIO มีการหารือกันเพื่อหยุดยิงหลายครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้
โดยหลังงานพิธีวันชาติรัฐฉาน พล.ท.เจ้ายอดศึก ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระบุว่า ในการพบปะกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในรัฐฉานและในพม่านั้น มีการหารือกันในเรื่องการสร้างความสามัคคีและการปรองดองในสหภาพพม่า แต่ไม่ได้มีมติอะไรออกมา ส่วนเรื่องคะฉิ่นนั้นมีการพูดคุยกัน โดยเห็นว่าการที่รัฐบาลพม่าสร้างการปรองดองกับกลุ่มหนึ่ง แล้วยิงกับอีกกลุ่มหนึ่งเราไม่เห็นด้วย ถ้าอยากสร้างการปรองดองต้องหยุดยิงทุกกลุ่ม ปัญหาทุกอย่างต้องใช้วิธีการเจรจา ข้อเรียกร้องก็คืออยากให้สันติภาพเกิดขึ้น ที่ผ่านมาหลังการเจรจากับรัฐบาลพม่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2554 พม่าระบุว่าจะมอบเขตปกครองพิเศษให้ มีการลงนามแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มอบให้ ซึ่งฝ่ายสภากอบกู้รัฐฉานจะใช้วิธีเจรจาต่อไป
เมื่อถามว่าประชาชนในรัฐฉาน ทราบข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบที่เมืองไลซา ซึ่งเป็นพื้นที่ของกลุ่มคะฉิ่นหรือไม่นั้น พล.ท.เจ้ายอดศึกตอบว่า ทราบข่าว และรู้สึกไม่ดี โดยเห็นว่าถ้าสร้างการปรองดองแล้ว ต้องหยุดยิงทุกกลุ่ม ยึดความยุติธรรมและใช้การเจรจา หากใช้กองทัพแล้วมารบกัน จะแก้ปัญหาไม่ได้
ผลจากการหยุดยิง และวันชาติในปีที่ 66
สำหรับวันชาติรัฐฉาน เป็นการรำลึกถึงระหว่างการประชุมของบรรดาเจ้าฟ้าที่ปกครองหัวเมืองต่างๆ พร้อมด้วยตัวแทนประชาชนในรัฐฉานที่เมืองปางโหลง ภาคใต้ของรัฐฉาน เมื่อวันที่ 3 - 12 ก.พ. 2490 โดยในวันที่ 7 ก.พ. ที่ประชุมร่วมกันออกแถลงการณ์จัดตั้งสภาสหพันธรัฐ และขุนปานจิ่ง เจ้าฟ้าชาวปะหล่อง ซึ่งปกครองเมืองน้ำสั่น ทางภาคเหนือรัฐฉาน และเป็นประธานสภาสหพันธรัฐฉานขณะนั้นได้กำหนดให้ผืนธงสีเหลือง เขียว แดง และวงกลมสีขาว พร้อมด้วยเพลงชาติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นของชาวรัฐฉานทั้งมวล และชนชาติในรัฐฉานได้ถือเอาวันที่ 7 ก.พ. เป็นวันชาติรัฐฉานพร้อมจัดงานฉลองทุกปี
ขณะที่หลังจากมีการตั้งสหภาพพม่าในปี 2491 ในรัฐฉานก็มีความพยายามทั้งในทางการเมืองและการทหารขอแยกตัวออกจากสหภาพพม่ามาอย่างยาวนาน โดยในวันที่ 21 พ.ค. ปี 2501 เจ้าน้อยซอหยั่นต๊ะ ได้ตั้งกองกำลังต่อต้านรัฐบาลพม่าในนามกลุ่ม "หนุ่มศึกหาญ" ขึ้นที่อำเภอเมืองหาง เขตเมืองโต๋น ในรัฐฉานตอนใต้ ด้านตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน
โดยกองทัพรัฐฉาน หรือ SSA ที่นำโดย พล.ท.เจ้ายอดศึก นั้น เกิดขึ้นหลังจากนำทหารจำนวนหนึ่งแยกตัวออกจากขุนส่า ภายหลังจากที่ขุนส่านำกองทัพเมิงไต หรือ MTA (Mong Tai Army) วางอาวุธแก่รัฐบาลพม่าในเดือนมกราคมปี พ.ศ. 2539 และต่อสู้กับกองทัพรัฐบาลพม่า กระทั่งต่อมาหลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปในพม่าเมื่อ 7 พ.ย. ปี 2553 และเต็ง เส่ง เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีพม่าเมื่อ 31 มี.ค. ปี 2554 นั้น รัฐบาลของเต็ง เส่ง ได้มีการเจรจาหยุดยิงกับกองกำลังของกลุ่มชนชาติในพม่าหลายกลุ่ม รวมทั้งกองทัพรัฐฉานด้วย
โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ปี 2554 มีการเจรจาครั้งแรกระหว่างฝ่ายสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ซึ่งเป็นปีกทางการเมืองของกองทัพรัฐฉาน SSA และรัฐบาลพม่า ที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.เชียงราย โดยทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิง และหลังจากนั้นมีการเจรจากันอีกหลายครั้ง โดยกองทัพรัฐฉานเสนอขอพื้นที่ปกครองตนเอง 2 แห่ง คือเมืองเต๊าะ (หัวเมือง) และเมืองทา อย่างไรก็ตามยังไม่มีความคืบหน้าจากฝ่ายรัฐบาลพม่า ขณะเดียวกันยังคงมีการรายงานการปะทะกันระหว่างกองทัพรัฐฉาน และกองทัพพม่าอยู่ประปราย โดยฝ่ายกองทัพรัฐฉานมักจะระบุว่าเป็นเพราะทหารพม่าเคลื่อนกำลังเข้ามาในพื้นที่ซึ่งกองทัพรัฐฉานดูแล
ขณะที่ล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปี 2555 ที่ผ่านมา มีการประชุมระหว่างรัฐบาลพม่า กับสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน และสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรรมและยาเสพติด หรือ UNODC ที่เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในประเด็นเรื่องการร่วมกันขจัดปัญหายาเสพติดในรัฐฉาน โดยตกลงร่วมกันสำรวจพื้นที่เพื่อทำโครงการนำร่องปลูกพืชทดแทนฝิ่น เพื่อนำไปสู่การขจัดยาเสพติดในรัฐฉาน
ทหารกองทัพรัฐฉาน SSA ระหว่างการสวนสนาม เนื่องใน วันชาติรัฐฉานปีที่ 66 วันที่ 7 ก.พ. 2556
66 ปีวันชาติรัฐฉาน "เจ้ายอดศึก" ระบุไร้สันติภาพ หากพม่าหยุดยิงอีกกลุ่ม-แต่ยังรบอีกกลุ่ม
กองทัพรัฐฉาน SSA จัดงานวันชาติรัฐฉานปีที่ 66 พล.ท.เจ้ายอดศึก เผยนับตั้งแต่เจรจาหยุดยิง มีข้อตกลงกับรัฐบาลพม่าที่ยังไม่คืบหน้ารวมทั้งเรื่องเขตปกครองพิเศษ อย่างไรก็ตามจะยึดวิธีเจรจาต่อไป พร้อมระบุว่าไม่เห็นด้วยที่พม่าโจมตีกองทัพคะฉิ่น ถ้ารัฐบาลพม่าต้องการปรองดองจริงต้องหยุดยิงกับทุกกลุ่ม ยึดหลักยุติธรรมและใช้การเจรจาต่อกัน เมื่อวันที่ 7 ก.พ. นี้ สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of Shan State - RCSS) และกองทัพรัฐฉาน (Shan State Army - SSA) ได้จัดงานวันชาติรัฐฉานครบรอบปีที่ 66 ที่ดอยไตแลง ฐานที่มั่นของกองทัพรัฐฉาน ที่รัฐฉานตอนใต้ ตรงข้าม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน โดยในพิธี มีการสวนสนามของทหารกองทัพรัฐฉาน SSA และการปราศรัยจากผู้แทนประชาชน และผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในรัฐฉาน

ประชาชนเข้าร่วมงานพิธีวันชาติรัฐฉานปีที่ 66 ซึงจัดที่ดอยไตแลง ฐานที่มั่นของกองทัพรัฐฉาน SSA ในรัฐฉาน ตรงข้ามกับ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา

ผู้แทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในรัฐฉาน และพม่า ร่วมงานวันชาติรัฐฉานปีที่ 66
ซึ่งจัดที่ดอยไตแลง ฐานที่มั่นของกองทัพรัฐฉาน SSA เมื่อ 7 ก.พ. 2556
ซึ่งจัดที่ดอยไตแลง ฐานที่มั่นของกองทัพรัฐฉาน SSA เมื่อ 7 ก.พ. 2556

พล.ท. เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน RCSS กล่าวสุนทรพจน์ใน
วันชาติรัฐฉาน 7 ก.พ. 2556

ทหารกองทัพรัฐฉาน SSA ระหว่างการสวนสนาม เนื่องในวันชาติรัฐฉานปีที่ 66 วันที่ 7 ก.พ. 2556

ทหารกองทัพรัฐฉาน SSA ระหว่างการสวนสนาม เนื่องในวันชาติรัฐฉานปีที่ 66 วันที่ 7 ก.พ. 2556
"เจ้ายอดศึก" ระบุวันชาติรัฐฉาน เป็นวันของทุกชาติพันธุ์ในรัฐ
โดย พล.ท.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS) ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองของกองทัพรัฐฉาน (SSA) กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็น "วันเชื้อชาติจึ่งไต" หรือวันชาติรัฐฉานครบรอบปีที่ 66 บางคนในรัฐฉานเข้าใจว่าวันนี้เป็น "วันเครือไต" อยากกล่าวว่าวันนี้ไม่ใช่ "วันเครือไต" เพราะเชื้อชาติที่ว่านั้นเป็นของประชาชนทุกเครือชนชาติที่อยู่ในรัฐฉาน เพราะเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) ผู้แทนประชาชนในรัฐฉานจากทุกชนชาติได้มาร่วมกันประชุมที่เมืองปางโหลง วันชาติรัฐฉานจึงถือเป็นวันชาติของทุกเชื้อชาติในรัฐฉาน
ในโอกาสครบรอบปีที่ 66 วันชาติรัฐฉาน วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ขอฝากไปยังประชาชนในรัฐฉานและประชาชนในสหภาพพม่าทุกชนชาติว่า สหภาพพม่านั้น ถ้าไม่มีการประชุมในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1947 ซึ่งเป็นวันชาติรัฐฉานนั้น วันเอกราชของสหภาพพม่าก็จะไม่มี ทั้งนี้สัญญาปางโหลงในปี ค.ศ. 1947 ถือเป็นรากฐานของการเมืองสหภาพพม่า ข้าพเจ้าซึ่งเข้าไปเจรจาการเมืองไม่เคยลืมที่จะยึดหลักการของสัญญาปางโหลงดังกล่าว
ขณะที่นายพลออง ซาน กลายเป็นผู้มีความสำคัญ ก็เป็นเพราะได้ผู้แทนจากรัฐชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งมาร่วมกันลงนามในสัญญาปางโหลงด้วย จึงขออย่าได้หลงลืมประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างไรก็ตามสหภาพพม่าที่ได้ร่วมกันตั้งมานั้น ในปี ค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505) ก็มีการรัฐประหารโดยนายพลเนวิน ทำให้ทั้งสหภาพพม่าตกอยู่ในสภาพสงครามกลางเมือง ทำให้ประชาชนประสบความทุกข์ยากลำบาก
สุดท้าย ประธานสภาเพื่อกอบกู้รัฐฉาน ได้เรียกร้องให้ประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐฉานอย่าให้ใครมาเอาเปรียบใคร ขอให้ทุกชนชาติอยู่กันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม ให้ร่วมกันสร้างความร่มเย็น อีกประการหนึ่งขอฝากว่าการสร้างความสามัคคีและสันติภาพนั้น รัฐบาลของประธานาธิบดีเต็ง เส่งได้บอกว่าจะร่วมมือกับทุกๆ กลุ่ม ซึ่งที่กล่าวมานั้นก็น่านับถืออยู่ อย่างไรก็ตามกระบวนการสร้างสันติภาพถาวรแท้จริงยังไม่เห็นผล เช่น ขณะนี้ยังมีการทำสงครามอยู่ที่รัฐคะฉิ่นนั้น แบบนี้ก็ไม่ใช่แนวทางสร้างสันติภาพ การหยุดยิงกับกลุ่มชนชาติหนึ่ง แต่ไปยิงกับอีกชนชาติหนึ่ง ไม่อาจเป็นแนวทางการสร้างสันติภาพถาวรได้
ขณะที่สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ได้หยุดยิงกับรัฐบาลพม่ามาได้ปีกว่านั้น อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่ไม่คืบหน้า เช่น ที่สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉานเสนอขอปกครองพื้นที่เมืองเต๊าะ (หัวเมือง) และเมืองทา ฝ่ายรัฐบาลพม่าก็ยังไม่ตกลง เรื่องที่จะร่วมมือกันปราบยาเสพติด ฝ่ายพม่าก็ยังไม่ดำเนินการอะไร ทั้งนี้ไม่อยากให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
โดย พล.ท.เจ้ายอดศึก ฝากถึงประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐฉาน ความสามัคคีที่คนในรัฐฉานปรารถนาอยู่ทุกเมื่อนั้น เป็นสิ่งที่ "พูดง่าย ทำยาก" จริงๆ ถ้าพูดว่าต้องการความสามัคคี ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ความสามัคคี เหมือนพูดว่าอยากถึงนิพพาน แล้วพูดบ่อยๆ ว่าอยากนิพพาน แต่ไม่ทำบุญ ไม่บำเพ็ญภาวนา ก็ไปไม่ถึงนิพพาน ดังนั้นการที่จะให้มีความสามัคคี จะต้องมีความเมตตา สัจจะ มีน้ำใจเชื่อถือกัน ช่วยเหลือกัน อย่าเอามานะ โทสะ และโลภะมาใช้ต่อกัน และขอฝากถึงประชาชนทุกชนชาติในรัฐฉาน ขอให้รักษาวัฒนธรรมประเพณี อย่าให้เชื้อชาติเราหาย อนาคตของรัฐฉานจะเจริญรุ่งเรืองได้ ก็อยู่ในกำมือของประชาชนทุกคน
นอกจากนี้มีการกล่าวปราศรัยโดย จายสามทิพย์เสือ ผู้แทนประชาชนจากเมืองเชียงตุง โดยกล่าวปราศรัยเรียกร้องให้ประชาชนในรัฐฉานมีความสามัคคีต่อกัน นอกจากนี้มีผู้แทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในรัฐฉานกล่าวปราศรัยได้แก่ ผู้แทนจากพรรคก้าวหน้าแห่งชาติรัฐฉาน (Shan State Progrssive Party - SSPP) ซึ่งเป็นปีกทางการเมืองของกองทัพรัฐฉาน-เหนือ ผู้แทนกองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army - UWSA) ผู้แทนจากองค์กรปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ (Pa-O National Liberation Organization - PNLO) ผู้แทนจากสหภาพประชาธิปไตยลาหู่ (Lahu Democratic Union - LDU) ผู้แทนจากองค์กรแห่งชาติปะโอ (Pa-O National Organization - PNO) ผู้แทนจากรัฐอาระกัน และผู้แทนจากรัฐมอญ เป็นต้น
ระบุมีการหารือกับผู้แทนชาติพันธุ์ในรัฐฉาน-พม่า เรื่องการปรองดอง
ทั้งนี้มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉานและกองทัพรัฐฉาน ได้จัดเลี้ยงอาหารให้กับผู้แทนจากกลุ่มทางการเมืองและกองกำลังของชาติพันธุ์ต่างๆ ในรัฐฉานและในพม่า และตัวแทนประชาชนจากรัฐฉานกว่า 50 เมือง ที่มาร่วมงานวันชาติ โดยที่น่าสนใจก็คือมีการเชิญผู้แทนจากองค์กรแห่งอิสรภาพคะฉิ่น (KIO) มาร่วมงานเลี้ยงด้วย โดยองค์กรคะฉิ่น KIO ดังกล่าว ต้องทำสงครามกับกองทัพรัฐบาลพม่ามาตั้งแต่กลางปี 2554 และทั้งรัฐบาลพม่าและองค์กรคะฉิ่น KIO มีการหารือกันเพื่อหยุดยิงหลายครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้
โดยหลังงานพิธีวันชาติรัฐฉาน พล.ท.เจ้ายอดศึก ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระบุว่า ในการพบปะกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในรัฐฉานและในพม่านั้น มีการหารือกันในเรื่องการสร้างความสามัคคีและการปรองดองในสหภาพพม่า แต่ไม่ได้มีมติอะไรออกมา ส่วนเรื่องคะฉิ่นนั้นมีการพูดคุยกัน โดยเห็นว่าการที่รัฐบาลพม่าสร้างการปรองดองกับกลุ่มหนึ่ง แล้วยิงกับอีกกลุ่มหนึ่งเราไม่เห็นด้วย ถ้าอยากสร้างการปรองดองต้องหยุดยิงทุกกลุ่ม ปัญหาทุกอย่างต้องใช้วิธีการเจรจา ข้อเรียกร้องก็คืออยากให้สันติภาพเกิดขึ้น ที่ผ่านมาหลังการเจรจากับรัฐบาลพม่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2554 พม่าระบุว่าจะมอบเขตปกครองพิเศษให้ มีการลงนามแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มอบให้ ซึ่งฝ่ายสภากอบกู้รัฐฉานจะใช้วิธีเจรจาต่อไป
เมื่อถามว่าประชาชนในรัฐฉาน ทราบข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบที่เมืองไลซา ซึ่งเป็นพื้นที่ของกลุ่มคะฉิ่นหรือไม่นั้น พล.ท.เจ้ายอดศึกตอบว่า ทราบข่าว และรู้สึกไม่ดี โดยเห็นว่าถ้าสร้างการปรองดองแล้ว ต้องหยุดยิงทุกกลุ่ม ยึดความยุติธรรมและใช้การเจรจา หากใช้กองทัพแล้วมารบกัน จะแก้ปัญหาไม่ได้
ผลจากการหยุดยิง และวันชาติในปีที่ 66
สำหรับวันชาติรัฐฉาน เป็นการรำลึกถึงระหว่างการประชุมของบรรดาเจ้าฟ้าที่ปกครองหัวเมืองต่างๆ พร้อมด้วยตัวแทนประชาชนในรัฐฉานที่เมืองปางโหลง ภาคใต้ของรัฐฉาน เมื่อวันที่ 3 - 12 ก.พ. 2490 โดยในวันที่ 7 ก.พ. ที่ประชุมร่วมกันออกแถลงการณ์จัดตั้งสภาสหพันธรัฐ และขุนปานจิ่ง เจ้าฟ้าชาวปะหล่อง ซึ่งปกครองเมืองน้ำสั่น ทางภาคเหนือรัฐฉาน และเป็นประธานสภาสหพันธรัฐฉานขณะนั้นได้กำหนดให้ผืนธงสีเหลือง เขียว แดง และวงกลมสีขาว พร้อมด้วยเพลงชาติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นของชาวรัฐฉานทั้งมวล และชนชาติในรัฐฉานได้ถือเอาวันที่ 7 ก.พ. เป็นวันชาติรัฐฉานพร้อมจัดงานฉลองทุกปี
ขณะที่หลังจากมีการตั้งสหภาพพม่าในปี 2491 ในรัฐฉานก็มีความพยายามทั้งในทางการเมืองและการทหารขอแยกตัวออกจากสหภาพพม่ามาอย่างยาวนาน โดยในวันที่ 21 พ.ค. ปี 2501 เจ้าน้อยซอหยั่นต๊ะ ได้ตั้งกองกำลังต่อต้านรัฐบาลพม่าในนามกลุ่ม "หนุ่มศึกหาญ" ขึ้นที่อำเภอเมืองหาง เขตเมืองโต๋น ในรัฐฉานตอนใต้ ด้านตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน
โดยกองทัพรัฐฉาน หรือ SSA ที่นำโดย พล.ท.เจ้ายอดศึก นั้น เกิดขึ้นหลังจากนำทหารจำนวนหนึ่งแยกตัวออกจากขุนส่า ภายหลังจากที่ขุนส่านำกองทัพเมิงไต หรือ MTA (Mong Tai Army) วางอาวุธแก่รัฐบาลพม่าในเดือนมกราคมปี พ.ศ. 2539 และต่อสู้กับกองทัพรัฐบาลพม่า กระทั่งต่อมาหลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปในพม่าเมื่อ 7 พ.ย. ปี 2553 และเต็ง เส่ง เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีพม่าเมื่อ 31 มี.ค. ปี 2554 นั้น รัฐบาลของเต็ง เส่ง ได้มีการเจรจาหยุดยิงกับกองกำลังของกลุ่มชนชาติในพม่าหลายกลุ่ม รวมทั้งกองทัพรัฐฉานด้วย
โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ปี 2554 มีการเจรจาครั้งแรกระหว่างฝ่ายสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ซึ่งเป็นปีกทางการเมืองของกองทัพรัฐฉาน SSA และรัฐบาลพม่า ที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.เชียงราย โดยทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิง และหลังจากนั้นมีการเจรจากันอีกหลายครั้ง โดยกองทัพรัฐฉานเสนอขอพื้นที่ปกครองตนเอง 2 แห่ง คือเมืองเต๊าะ (หัวเมือง) และเมืองทา อย่างไรก็ตามยังไม่มีความคืบหน้าจากฝ่ายรัฐบาลพม่า ขณะเดียวกันยังคงมีการรายงานการปะทะกันระหว่างกองทัพรัฐฉาน และกองทัพพม่าอยู่ประปราย โดยฝ่ายกองทัพรัฐฉานมักจะระบุว่าเป็นเพราะทหารพม่าเคลื่อนกำลังเข้ามาในพื้นที่ซึ่งกองทัพรัฐฉานดูแล
ขณะที่ล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปี 2555 ที่ผ่านมา มีการประชุมระหว่างรัฐบาลพม่า กับสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน และสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรรมและยาเสพติด หรือ UNODC ที่เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในประเด็นเรื่องการร่วมกันขจัดปัญหายาเสพติดในรัฐฉาน โดยตกลงร่วมกันสำรวจพื้นที่เพื่อทำโครงการนำร่องปลูกพืชทดแทนฝิ่น เพื่อนำไปสู่การขจัดยาเสพติดในรัฐฉาน
เขียนโดย Rochville University Thailand
วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
อุกกาบาต'ตกใส่'รัสเซีย'เจ็บ474
ระทึก!'อุกกาบาต'ตกใส่'รัสเซีย'เจ็บ474
เกิดเหตุ 'อุกกาบาต' ตกในรัสเซีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 474 คน ปชช.แตกตื่น สัญญาณโทรศัพท์ล่ม ขณะที่ 'นาซา' เตรียมเปิดเว็บไซต์ถ่ายทอดสด 'ดาวเคราะห์น้อย' เฉียดโลก
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุไม่คาดฝันในพื้นที่ตอนกลางประเทศรัสเซีย เมื่อมีอุกกาบาตลูกหนึ่งพุ่งเข้ามายังโลก ก่อนถูกชั้นบรรยากาศเสียดสีแตกเป็นเศษตกกระจายกินพื้นที่ 6 เมือง ในเขตอูราล ตอนกลางของรัสเซีย ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกประมาณ 1,000 กิโลเมตร โดยเศษอุกกาบาตตกกระทบอาคาร บ้านเรือน รถยนต์ ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 474 คน ในจำนวนนี้มี 14 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งส่วนใหญ่บาดแผลเกิดจากเศษกระจกที่แตกเพราะแรงระเบิด
รายงานข่าวแจ้งว่า พยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ในเมืองเชลยาบินสก์ เขตอูราล ทางตอนกลางของรัสเซีย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เห็นลูกไฟพุ่งอยู่บนท้องฟ้าทิ้งควันเป็นทางยาว ก่อนจะได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นบนท้องฟ้า จากนั้นกระจกอาคารและรถยนต์รอบข้างแตกกระจาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุระบบการสื่อสารโทรศัพท์มือถือในเมืองเชลยาบินสก์ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว
ไม่แน่ใจเกี่ยวข้องดาวเคระห์น้อย
ขณะเดียวกันทางการสั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เกิดเหตุเป็นเวลา 1 วัน เพื่อความปลอดภัย โดยทางการเมืองเชยาบินสก์แนะนำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เว้นแต่ต้องรีบไปรับลูกหลานกลับจากโรงเรียน พร้อมกับระบุว่า ระดับกัมมันตภาพรังสียังอยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงเรียกร้องไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่น
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทางการแพร่ภาพหลังคาและผนังส่วนหนึ่งของโรงงานผลิตสังกะสีในเมืองเชลยาบินสก์ถล่มลงมาหลังเกิดเสียงระเบิดบนท้องฟ้า
โฆษกบริษัท โรซาทอม ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งในเขตเชลยาบินสก์ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมมายัก ซึ่งภายในเป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย แถลงยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของเตาปฏิกรณ์
เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะเศษอุกกาบาตพุ่งชน แต่ได้ส่งทหารลงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอุกกาบาตที่ตกลงมายังพื้นที่ตอนกลางของรัสเซียครั้งนี้เกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์น้อย 2012 ดีเอ 14 ที่นักดาราศาสตร์ประเมินว่าจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้โลกในระยะห่างเพียง 27,000 กิโลเมตร ในช่วงเวลา 02.00 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นวงโคจรที่เฉียดเข้าใกล้โลกมากผิดปกติหรือไม่
ประเมินอุกกาบาตหนักหลายสิบตัน
นายเซอร์เกย์ สมีรอฟ นักดาราศาสตร์แห่งสถาบันดาราศาสตร์ปุลโคโว ประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์รอสเซีย 24 ว่า อุกกาบาตลูกนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเชื่อว่ามีมวลน้ำหนักราวหลายสิบตัน
เช่นเดียว นายเดนิส ลาสคอฟ พยานผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเล่าว่า ตอนแรกคิดว่า ลูกไฟที่ปรากฏบนท้องฟ้าเป็นเครื่องบินที่กำลังตกลงมา แต่ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินแต่อย่างใด ฉับพลันก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น จากนั้นเห็นกระจกบ้านเรือนและในอาคารริมถนนแตกกระจายเปรี้ยงปร้าง
รายงานข่าวแจ้งว่า พยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ในเมืองเชลยาบินสก์ เขตอูราล ทางตอนกลางของรัสเซีย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เห็นลูกไฟพุ่งอยู่บนท้องฟ้าทิ้งควันเป็นทางยาว ก่อนจะได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นบนท้องฟ้า จากนั้นกระจกอาคารและรถยนต์รอบข้างแตกกระจาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุระบบการสื่อสารโทรศัพท์มือถือในเมืองเชลยาบินสก์ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว
ไม่แน่ใจเกี่ยวข้องดาวเคระห์น้อย
ขณะเดียวกันทางการสั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เกิดเหตุเป็นเวลา 1 วัน เพื่อความปลอดภัย โดยทางการเมืองเชยาบินสก์แนะนำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เว้นแต่ต้องรีบไปรับลูกหลานกลับจากโรงเรียน พร้อมกับระบุว่า ระดับกัมมันตภาพรังสียังอยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงเรียกร้องไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่น
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทางการแพร่ภาพหลังคาและผนังส่วนหนึ่งของโรงงานผลิตสังกะสีในเมืองเชลยาบินสก์ถล่มลงมาหลังเกิดเสียงระเบิดบนท้องฟ้า
โฆษกบริษัท โรซาทอม ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งในเขตเชลยาบินสก์ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมมายัก ซึ่งภายในเป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย แถลงยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของเตาปฏิกรณ์
เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะเศษอุกกาบาตพุ่งชน แต่ได้ส่งทหารลงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอุกกาบาตที่ตกลงมายังพื้นที่ตอนกลางของรัสเซียครั้งนี้เกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์น้อย 2012 ดีเอ 14 ที่นักดาราศาสตร์ประเมินว่าจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้โลกในระยะห่างเพียง 27,000 กิโลเมตร ในช่วงเวลา 02.00 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นวงโคจรที่เฉียดเข้าใกล้โลกมากผิดปกติหรือไม่
ประเมินอุกกาบาตหนักหลายสิบตัน
นายเซอร์เกย์ สมีรอฟ นักดาราศาสตร์แห่งสถาบันดาราศาสตร์ปุลโคโว ประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์รอสเซีย 24 ว่า อุกกาบาตลูกนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเชื่อว่ามีมวลน้ำหนักราวหลายสิบตัน
เช่นเดียว นายเดนิส ลาสคอฟ พยานผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเล่าว่า ตอนแรกคิดว่า ลูกไฟที่ปรากฏบนท้องฟ้าเป็นเครื่องบินที่กำลังตกลงมา แต่ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินแต่อย่างใด ฉับพลันก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น จากนั้นเห็นกระจกบ้านเรือนและในอาคารริมถนนแตกกระจายเปรี้ยงปร้าง
อุกกาบาต'ตกใส่'รัสเซีย'เจ็บ474
ระทึก!'อุกกาบาต'ตกใส่'รัสเซีย'เจ็บ474
เกิดเหตุ 'อุกกาบาต' ตกในรัสเซีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 474 คน ปชช.แตกตื่น สัญญาณโทรศัพท์ล่ม ขณะที่ 'นาซา' เตรียมเปิดเว็บไซต์ถ่ายทอดสด 'ดาวเคราะห์น้อย' เฉียดโลก
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุไม่คาดฝันในพื้นที่ตอนกลางประเทศรัสเซีย เมื่อมีอุกกาบาตลูกหนึ่งพุ่งเข้ามายังโลก ก่อนถูกชั้นบรรยากาศเสียดสีแตกเป็นเศษตกกระจายกินพื้นที่ 6 เมือง ในเขตอูราล ตอนกลางของรัสเซีย ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกประมาณ 1,000 กิโลเมตร โดยเศษอุกกาบาตตกกระทบอาคาร บ้านเรือน รถยนต์ ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 474 คน ในจำนวนนี้มี 14 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งส่วนใหญ่บาดแผลเกิดจากเศษกระจกที่แตกเพราะแรงระเบิด
รายงานข่าวแจ้งว่า พยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ในเมืองเชลยาบินสก์ เขตอูราล ทางตอนกลางของรัสเซีย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เห็นลูกไฟพุ่งอยู่บนท้องฟ้าทิ้งควันเป็นทางยาว ก่อนจะได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นบนท้องฟ้า จากนั้นกระจกอาคารและรถยนต์รอบข้างแตกกระจาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุระบบการสื่อสารโทรศัพท์มือถือในเมืองเชลยาบินสก์ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว
ไม่แน่ใจเกี่ยวข้องดาวเคระห์น้อย
ขณะเดียวกันทางการสั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เกิดเหตุเป็นเวลา 1 วัน เพื่อความปลอดภัย โดยทางการเมืองเชยาบินสก์แนะนำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เว้นแต่ต้องรีบไปรับลูกหลานกลับจากโรงเรียน พร้อมกับระบุว่า ระดับกัมมันตภาพรังสียังอยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงเรียกร้องไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่น
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทางการแพร่ภาพหลังคาและผนังส่วนหนึ่งของโรงงานผลิตสังกะสีในเมืองเชลยาบินสก์ถล่มลงมาหลังเกิดเสียงระเบิดบนท้องฟ้า
โฆษกบริษัท โรซาทอม ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งในเขตเชลยาบินสก์ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมมายัก ซึ่งภายในเป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย แถลงยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของเตาปฏิกรณ์
เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะเศษอุกกาบาตพุ่งชน แต่ได้ส่งทหารลงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอุกกาบาตที่ตกลงมายังพื้นที่ตอนกลางของรัสเซียครั้งนี้เกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์น้อย 2012 ดีเอ 14 ที่นักดาราศาสตร์ประเมินว่าจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้โลกในระยะห่างเพียง 27,000 กิโลเมตร ในช่วงเวลา 02.00 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นวงโคจรที่เฉียดเข้าใกล้โลกมากผิดปกติหรือไม่
ประเมินอุกกาบาตหนักหลายสิบตัน
นายเซอร์เกย์ สมีรอฟ นักดาราศาสตร์แห่งสถาบันดาราศาสตร์ปุลโคโว ประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์รอสเซีย 24 ว่า อุกกาบาตลูกนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเชื่อว่ามีมวลน้ำหนักราวหลายสิบตัน
เช่นเดียว นายเดนิส ลาสคอฟ พยานผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเล่าว่า ตอนแรกคิดว่า ลูกไฟที่ปรากฏบนท้องฟ้าเป็นเครื่องบินที่กำลังตกลงมา แต่ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินแต่อย่างใด ฉับพลันก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น จากนั้นเห็นกระจกบ้านเรือนและในอาคารริมถนนแตกกระจายเปรี้ยงปร้าง
รายงานข่าวแจ้งว่า พยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ในเมืองเชลยาบินสก์ เขตอูราล ทางตอนกลางของรัสเซีย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เห็นลูกไฟพุ่งอยู่บนท้องฟ้าทิ้งควันเป็นทางยาว ก่อนจะได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นบนท้องฟ้า จากนั้นกระจกอาคารและรถยนต์รอบข้างแตกกระจาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุระบบการสื่อสารโทรศัพท์มือถือในเมืองเชลยาบินสก์ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว
ไม่แน่ใจเกี่ยวข้องดาวเคระห์น้อย
ขณะเดียวกันทางการสั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เกิดเหตุเป็นเวลา 1 วัน เพื่อความปลอดภัย โดยทางการเมืองเชยาบินสก์แนะนำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เว้นแต่ต้องรีบไปรับลูกหลานกลับจากโรงเรียน พร้อมกับระบุว่า ระดับกัมมันตภาพรังสียังอยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงเรียกร้องไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่น
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทางการแพร่ภาพหลังคาและผนังส่วนหนึ่งของโรงงานผลิตสังกะสีในเมืองเชลยาบินสก์ถล่มลงมาหลังเกิดเสียงระเบิดบนท้องฟ้า
โฆษกบริษัท โรซาทอม ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งในเขตเชลยาบินสก์ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมมายัก ซึ่งภายในเป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย แถลงยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของเตาปฏิกรณ์
เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะเศษอุกกาบาตพุ่งชน แต่ได้ส่งทหารลงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอุกกาบาตที่ตกลงมายังพื้นที่ตอนกลางของรัสเซียครั้งนี้เกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์น้อย 2012 ดีเอ 14 ที่นักดาราศาสตร์ประเมินว่าจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้โลกในระยะห่างเพียง 27,000 กิโลเมตร ในช่วงเวลา 02.00 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นวงโคจรที่เฉียดเข้าใกล้โลกมากผิดปกติหรือไม่
ประเมินอุกกาบาตหนักหลายสิบตัน
นายเซอร์เกย์ สมีรอฟ นักดาราศาสตร์แห่งสถาบันดาราศาสตร์ปุลโคโว ประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์รอสเซีย 24 ว่า อุกกาบาตลูกนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเชื่อว่ามีมวลน้ำหนักราวหลายสิบตัน
เช่นเดียว นายเดนิส ลาสคอฟ พยานผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเล่าว่า ตอนแรกคิดว่า ลูกไฟที่ปรากฏบนท้องฟ้าเป็นเครื่องบินที่กำลังตกลงมา แต่ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินแต่อย่างใด ฉับพลันก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น จากนั้นเห็นกระจกบ้านเรือนและในอาคารริมถนนแตกกระจายเปรี้ยงปร้าง
วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
กองทัพรัฐฉาน SSA "เหนือ" – ใต้
กองทัพรัฐฉาน SSA "เหนือ" – ใต้ จัดงานรำลึกวันกู้ชาติครบ 54 ปี |
Khonkhurtai : 23 พฤษภาคม 2555
![]() ![]() งานพิธีรำลึกครบรอบ 54 วันกอบกู้รัฐฉานของ SSA (ใต้) จัดที่บ้านม้า เมืองน้ำคำ รัฐฉานภาคเหนือ
กองทัพรัฐฉาน SSA เหนือ และ ใต้ จัดงานพิธีรำลึกครบรอบ 54 ปี วันกอบกู้ชาติรัฐฉาน มีผู้ร่วมนับพันคน ขณะที่เจ้ายอดศึก พร้อมคณะเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่า ถือโอกาสฉลองร่วมกับประชาชนในเมืองเชียงตุงเป็นครั้งแรก ....
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 55 ซึ่งตรงกับวันกอบกู้ชาติรัฐฉาน ครบ 54 ปี กองทัพรัฐฉาน SSA หรือ กองกำลังไทใหญ่ ทั้งกลุ่มเหนือ และ กลุ่มใต้ ได้จัดงานพิธีรำลึกกันอย่างคึกคัก ในปีนี้ถือว่ามีความพิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากกองทัพรัฐฉาน SSA (ใต้) นอกจากจะมีพิธีจัดงานที่ดอยไตยแลง ที่ตั้งบก.สูงสุดของสภากอบกู้รัฐฉาน RCSS กองทัพรัฐฉาน SSA ตรงข้ามอ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอนแล้ว ยังได้มีการจัดงานพิธีอย่างยิ่งใหญ่อีกแห่งเป็นครั้งแรกที่เมืองน้ำคำ รัฐฉานภาคเหนือ มีประชาชนเข้าร่วมนับพันคน ขณะที่ พล.ท.เจ้ายอดศึก พร้อมคณะผู้นำระดับสูงซึ่งเป็นคณะเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่ารวมกว่า 20 คน ได้ร่วมงานฉลองวันกอบกู้ชาติกับประชาชนเป็นครั้งแรกที่เมืองเชียงตุง ภายหลังจากเดินทางไปเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่า ระดับชั้นสหภาพที่เมืองเชียงตุง เมื่อวันที่ 19 พ.ค. และเดินทางไปเยือนเขตปกครองพิเศษเมืองลา หรือ กองกำลังเมืองลา NDAA กลับถึงเชียงตุงในวันที่ 21 พ.ค. พอดี โดยมีสมาชิกพรรคการเมือง เช่น พรรค SNLD , NLD , USDP ซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ รวมถึงผู้นำชุมชน ผู้นำชมรมวัฒนธรรม กลุ่มชนเผ่า กลุ่มเยาวชน และประชาชนหลากหลายอาชีพในเมืองเชียงตุงราว 400 คน ให้การต้อนรับและร่วมงานเลี้ยงฉลองกลางวันร่วมกัน
พล.ท.เจ้ายอดศึก ได้ถือโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจประชาชน กรณีทำสัญญาหยุดยิงกับรัฐบาลพม่า โดยระบุว่า สถานการณ์โลกปัจจุบันเปลี่ยนไปพร้อมกับรัฐบาลพม่าชุดใหม่ได้ยื่นมือขอเจรจาสันติภาพกับกลุ่มต่อต้านทุกกลุ่มเพื่อสร้างสันติภาพของประเทศ ทางกลุ่ม RCSS/SSA จึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งจากการจับปืนต่อสู้มานานกว่า 50 ปี หันมาเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ด้วยการเจรจาทางการเมือง
![]() ![]() ประชาชนชาวเมืองเชียงตุง ให้การต้อนรับเจ้ายอดศึก และคณะ เมืื่อวันที่ 21 พ.ค. 55
พล.ท.เจ้ายอดศึก ได้กล่าวชักชวนให้ประชาชนหันมาใส่ใจการเมือง และขอให้ประชาชนใส่ใจเรื่องการทำบัตรประจำตัวประชาชน โดยให้เหตุผลว่า หากไม่มีบัตรประชาชนจะไม่สามารถเข้าเล่นการเมือง หรือ ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ด้วยเหตุที่ประชาชนไม่ใส่ใจการเมืองและไม่มีบัตรประชาชนไปลงคะแนนเลือกตั้ง จึงทำให้การเลือกซ่อมครั้งที่ผ่านมาพรรคการเมืองไทใหญ่ไม่ได้รับชัยชนะ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ในวันกอบกู้ชาติรัฐฉาน ปีที่ 54 นี้ พรรคก้าวหน้ารัฐฉาน SSPP (Shan State Progressive Party) กองทัพรัฐฉาน SSA หรือ กองกำลังไทใหญ่ 'เหนือ' ได้จัดงานพิธีรำลึกอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน โดยงานจัดขึ้นที่กองบัญชาการใหญ่บ้านไฮ เขตเมืองเกซี รัฐฉานภาคเหนือ มีผู้นำระดับสูง ทหารหาญ และประชาชนเข้าร่วมมากกว่า 1 พันคน
ในงานพิธีมีการเล่าประวัติความเป็นมาวันกอบกู้ชาติรัฐฉาน และทางผู้นำระดับสูงของ SSPP/SSA เช่น เจ้าเสือแท่น เจ้าขุนแสง เจ้าเครือไต ได้กล่าวถึงความเป็นมาเกี่ยวกับการต่อสู้รวมถึงบทเรียนต่างๆ ที่ SSPP/SSA ได้ประสบผ่านพ้นมา พร้อมกันได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เหล่าผู้นำ และทหารหาญที่เสียชีวิตจากการต่อสู้กู้ชาติที่ผ่านมาด้วย
![]() ![]() พล.ท.เสือแท่น ผู้นำระดับสูงในกองทัพรัฐฉาน SSA 'เหนือ' กล่าวสุนทรพจน์ ในงานพิธีรำลึกกอบกู้ชาติ ที่บก.บ้านไฮ
วันกอบกู้ชาติรัฐฉาน หรือ ที่ชาวไทใหญ่เรียกว่า "วันลุกพื่น" ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2501 โดยเจ้าน้อย หรือ ซอหยั่นต๊ะ ได้รวบรวมกลุ่มเพื่อนและผู้มีอุดมการณ์รักชาติรวม 31 คน ทำพิธีดื่มน้ำสาบานปฏิญาณตนร่วมกันทำการต่อสู้ทวงถามสนธิสัญญาปางโหลงจากพม่าและนำเอกราชกลับคืนสู่รัฐฉาน โดยจัดตั้งเป็นกองกำลังขึ้นในชื่อ “กองกำลังหนุ่มศึกหาญ” หรือเรียกตามชื่อเต็มคือ “กองกำลังหนุ่มศึกหาญกอบกู้เอกราชสู่รัฐฉาน” ที่ฝั่งแม่น้ำสาละวิน
นับจากวันนั้น 21 พ.ค. 2501 ถึงปัจจุบัน มีผู้สืบทอดเจตนารมณ์กองกำลังหนุ่มศึกหาญ ทำการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยรัฐฉานจากการปกครองของพม่าแล้วหลายกลุ่ม อาทิ กองทัพรัฐฉาน SSA / กองทัพเอกราชแห่งชาติไทใหญ่ SNIA / กองทัพสหรัฐฉาน SUA / กองทัพสหปฏิวัติฉาน SURA / กองทัพกอบกู้ชาติไต TRA และ กองทัพเมืองไต MTA และกองทัพรัฐฉาน SSA ปัจจุบัน โดยชาวรัฐฉาน ได้ยึดถือเอาวันที่ 21 พ.ค. เป็นวันต่อสู้เพื่อเอกราช หรือ วันกอบกู้ชาติ เป็นวันสำคัญของชาติ มีการจัดงานรำลึกและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เหล่าวีระบุรุษที่เสียสละเลือดเนื้อจากการต่อสู้เพื่อกู้ชาติรัฐฉานเป็นประจำทุกปี
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)